คุณกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่หรือไม่? ตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกไม่สดชื่น เหนื่อยล้าง่าย หงุดหงิดแบบไร้สาเหตุ ง่วงนอนตลอดวัน อ้วนง่าย ลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็ไม่ลงสักที ถ้าใช่ อย่ารอช้า เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti Aging หาคำตอบให้คุณได้
Anti-Aging คืออะไร
เวชศาสตร์ชะลอวัย คือการดูแลสุขภาพจากภายในไม่ให้ความเสื่อมหรือความชราเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นให้ช้าที่สุด โดยเน้นการรักษาสุขภาพจากภายในโดยองค์รวม เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงนานที่สุดและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการเจ็บป่วยและความเสื่อมสภาพในอนาคตอีกด้วย
สุขภาพในแต่ละช่วงอายุ
- อายุ 0 – 25 ปี สุขภาพดี สมบูรณ์ สมดุลภายในของร่างกายดีที่สุด
- อายุ 25 ปีขึ้นไป สุขภาพเริ่มเสื่อมสภาพ > เริ่มดูแลร่างกายด้วยเวชศาสตร์ชะลอวัย
- อายุ 25 ปีขึ้นไป สุขภาพเสื่อมสภาพภายในมากขึ้น > ไม่สบาย > รักษาตัวที่โรงพยาบาล>แต่ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้> จำเป็นต้องใช้การรักษาทางเวชศาสตร์ชะลอวัย
ซึ่งความแตกต่างระหว่างการตรวจสุขภาพของเวชศาสตร์ชะลอวัย และ โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลจะทำการรักษาก็ต่อเมื่อร่างกายเข้าสู่ขั้นตอนป่วยแล้ว ในขณะที่ เวชศาสตร์ชะลอวัยจะเริ่มทำการรักษาตั้งแต่ตรวจพบว่าร่างกายเริ่มเสื่อม เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องไปถึงขั้นของการล้มป่วยหรืออวัยวะอื่นมีความเสื่อมถอยจนไม่สามารถย้อนกลับไปทำงานให้สมบูรณ์ดังเดิมได้อีก
สาเหตุแห่งความชรา
ความชราเกิดขึ้นเมื่อร่างกายทำงานได้ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะการทำงานของอวัยวะ และต่อมไร้ท่อที่ทำงานได้น้อยลง ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งแยกสาเหตุของการเกิดความชราได้ 4 ประเภทดังนี้
- การใช้ร่างกายอย่างหักโหม ร่างกายของมนุษย์เปรียบเสมือนเครื่องจักร เมื่อร่างกายถูกใช้งาน หรือทำงานหนักเกินไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ร่างกายก็จะเสื่อมถอย เสมือนกับเครื่องจักรที่ประสิทธิภาพการทำงานที่น้อยลง
- ภาวะการพร่องของระบบฮอร์โมน ร่างกายมนุษย์ผลิตฮอร์โมนต่างๆ มากกว่า 50 ชนิด เพื่อช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของร่างกายอย่างเป็นระบบ เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนต่างๆ ก็ผลิตได้น้อยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งการรับประทานอาหารในแต่ละวันที่ไม่เหมาะสมต่อภาวะโภชนาการ ก็จะส่งผลให้ร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ที่มีผลกระทบต่อกระบวนการผลิตฮอร์โมน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของความชรา หรือแก่กว่าวัยได้เช่นกัน
- พันธุกรรม พันธุกรรม หรือยีน เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่สามารถกำหนดกระบวนการชราภาพได้ อย่างเช่นพันธุกรรมของการเกิดผมขาว หรือผมหงอกก่อนวัย ก็จะส่งผลจากยีนพ่อ-แม่ สู่ลูกเช่นกัน
- ภาวะการเกิดอนุมูลอิสระ การเกิดอนุมูลอิสระทั้งปัจจัยภายในจากการทำงานของร่างกาย รวมถึงปัจจัยภายนอกที่เกิดจากการรับประทานอาหารและมลภาวะที่เป็นพิษ ส่งผลต่อเซลล์ในร่างกาย การเกิดอนุมูลอิสระทำให้ DNA ของเซลล์ถูกทำลาย และทำให้เซลล์ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้และตายในที่สุด ดังนั้นการควบคุมสารอนุมูลอิสระจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการชะลอกระบวนการของการเกิดความชรา
ขั้นตอนการรักษา
- Consult
แพทย์จะสอบถามประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นของคนไข้โดยละเอียด ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร การทำงาน การออกกำลังกาย การพักผ่อน การเข้านอนและการตื่นนอนในแต่ละวันเป็นอย่างไร เพื่อตรวจหาสมมุติฐานเบื้องต้นถึงสาเหตุของอาการผิดปกติหรือโรคที่เป็นอยู่
- Analyze
แพทย์จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการสอบถามคนไข้และการตรวจร่างกายเบื้องต้นมาวิเคราะห์ และเลือกการตรวจสอบขั้นตอนต่อไปตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละคน เช่น การตรวจหยดเลือดทางกล้องจุลทรรศน์เพื่อประเมินความผิดปกติเบื้องต้น ตรวจการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ตรวจระดับฮอร์โมน ตรวจระดับวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
- Check Up
การตรวจสุขภาพแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้มาตรฐานสากลระดับโลก เพราะการตรวจสุขภาพแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย จะลงลึกและละเอียดมากกว่าการตรวจสุขภาพแบบทั่วไปของโรงพยาบาล โดยจะสามารถวิเคราะห์ถึงการทำงานของระดับเซลล์ได้เลย ซึ่งถ้ามีการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ เราจะสามารถตรวจพบและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น
- Treatment
แพทย์จะออกแบบโปรแกรมการรักษาแบบเฉพาะแต่ละบุคคลเพื่อความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ โดยการรักษาจะมีการ Follow up ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลและดูการเปลี่ยนแปลงการร่างกาย ทั้งนี้คนไข้จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ 2 ส้ปดาห์แรก
การรักษาในแนวทาง Anti-Aging
- การปรับการใช้ชีวิตประจำวัน
การใช้ชีวิตที่สมดุลและถูกต้องคือวิธีรักษาร่างกายที่ดีที่สุดทางธรรมชาติ โดยแพทย์จะแนะนำคนไข้ในเรื่องของ การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย การจัดการกับความเครียด ซึ่งแต่ละคนจะมีการออกแบบการใช้ชีวิตแตกต่างกันไป เนื่องด้วยแต่ละคน สภาพร่างกายมีความแตกต่างกันไป
- อาหารเสริมด้วยวิตามินและฮอร์โมน
ในกรณีที่ร่างกายมีปัญหาในระบบการทำงาน หรือ ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมด้วยอายุที่มากขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ใช้อาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติ โดยออกแบบวิตามินและฮอร์โมนที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลนั้นๆ โดยใช้ผลจากการตรวจเป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งจะทำให้ร่างกานฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองได้ดีมากขึ้นหากทำร่วมกับข้อที่ 1
- กลุ่ม Stem Cell ,Placenta ,PRP
อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีและกำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือการรักษาด้วย Stem Cell หรือ เซลล์ต้นกำเนิดนั่นเอง การรักษาด้วย Stem Cell ถือเป็นการรักษาที่ตรงจุดและแก้ที่สาเหตุโดยตรง เพราะเมื่อเราฉีด Stem Cell เข้าไปในร่างกาย Stem Cell จะเข้าไปช่วยสร้างและช่วยในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ต่างๆ จากเซลล์เดิมที่เสื่อมสภาพหรือตายไป ทำให้ร่างกายเรากลับมาแข็งแรงเหมือนวัยหนุ่มวัยสาวอีกครั้ง การรักษาด้วย Stem Cell แพทย์จะพิจารณาการรักษาทางเลือกอื่นร่วมด้วยตามความเหมาะสม อาทิเช่น PRP :การรักษาด้วย Stem Cell จากเกล็ดเลือด , Placenta: การรักษาด้วย Growth Factor จากสารสกัดของรกเด็ก รวมกับการบำบัดรักษาด้วยอุปกรณ์การแพทย์ด้านชลอวัยที่มีความทันสมัยระดับสากล
กลุ่มคนที่ควรไปพบแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย
- กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์
เช่น พ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคต่างๆ อาทิเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคความดันโลหิตสูง
- กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว
เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ โรคไขมันในเลือดสูง โรคผื่นคันผิดปกติต่างๆ , ภาวะอาการปวดเรื้อรังบางชนิด
- กลุ่มคนที่อยากรักษาสุขภาพ ชะลอความแก่
เพราะอาการบางอาการ เช่น เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน นอนไม่หลับ ซึ่งการไปตรวจที่โรงพยาบาลอาจจะยังไม่พบสาเหตุหรือสามารถแก้ไขได้ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบ Anti-Aging
อนุมูลอิสระ VS สารต้านอนุมูลอิสระ
ใครต่อใครต่างพูดกันอยู่ในชีวิตประจำวันว่า การใช้ชีวิตหรือรับสารบางอย่างอาจเป็นตัวการก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือบางคนอาจจะพยายามรับประทานผลไม้อย่างหนัก เพราะทราบข้อมูลว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่คุณเคยทราบหรือไม่ว่าร่างกายคุณนั้นมีค่าอนุมูลอิสระและมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่บ้างหรือไม่และมีปริมาณเท่าใด และเพื่อไม่ให้ชีวิตมีคำตอบ เวชศาสตร์ชะลอวัยจึงสามารถไขข้อข้องใจเหล่านี้ให้กับคุณได้ด้วยการตรวจวัดระดับสารอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อจะช่วยให้คุณวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
วิตามินที่กำลังรับประทานอยู่นั้นร่างกายต้องการจริงหรือไม่ ?
การซื้อวิตามินในปัจจุบันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แสนง่ายดาย แค่เพียงเดินไปร้านสะดวกซื้อก็มีวิตามินให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่บางครั้งสิ่งที่เราคิดอาจไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายต้องการ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations :FAO) ได้ระบุว่าประชากรทั่วโลกกว่า 2 พันล้านคนพบปัญหาการขาดวิตามินและแร่ธาตุ เนื่องจากอาหารที่รับประทานไม่ตรงกับสารอาหารร่างกายต้องการ (Hidden Hunger Crisis) อาการขาดวิตามินบางครั้งเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีอาการเด่นชัดจนแสดงออกเป็นโรค ในบางคนมีอาการขาดวิตามินแฝง การรับประทานอาหารที่แตกต่างกันย่อมส่งผลให้ระดับวิตามินในแต่ละคนขาดเกินไม่เท่ากัน การเสริมวิตามินจึงไม่เท่ากันด้วยเช่นกัน การตรวจวัดระดับวิตามินให้ชัดเจนเพื่อให้ทราบถึงความขาดเกินของแต่ละบุคคล จะทำให้เราเติมสมดุลในร่างกายได้อย่างปลอดภัยตรงตามความต้องการของร่างกายแต่ละคนมากที่สุด
สรุป
เวชศาสตร์ชะลอวัยจึงอาจเปรียบได้กับแผนที่ชีวิต เพื่อให้คุณได้ทราบว่าเส้นทางที่กำลังเดินอยู่นั้นอาจจะต้องพบกับสิ่งใด คอยเป็นตัวช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อันตราย และช่วยเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่ต้องเผชิญที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ เวชศาสตร์ชะลอวัยจึงเป็นศาสตร์ที่มุ่งเน้นดูแล ป้องกัน เพื่อให้ชีวิตของทุกคนยืนยาวอย่างสุขภาพดี และมีคุณภาพ มากที่สุด