หมวดหมู่

Table of Contents

ไขข้อสงสัย ไหมร้อยหน้า มีกี่แบบ ทำจากอะไร เป็นอันตรายไหมนะ

เคยสงสัยกันไหมว่า ไหมร้อยหน้า ที่ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของใบหน้านั้นมีกี่แบบ แล้วทำมาจากอะไร ปลอดภัยกับเราหรือไม่ ไปหาคำตอบกันเลย

ไหมร้อยหน้า มีกี่แบบ

การร้อยไหมเป็นเทคนิคยกกระชับที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น กรอบหน้าดูชัด ใบหน้าดูเรียวขึ้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันทีหลังทำ

ในปัจจุบันการร้อยไหมจะแบ่งเป็น 2 แบบ หลักๆ คือไหมละลาย และไหมไม่ละลาย

ไหมร้อยหน้า - ไหมละลาย
  1. ไหมละลาย  สามารถสลายได้เองตามกลไกธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง ในปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชื่อกันมาบ้างแล้ว เช่น ไหมก้างปลา ไหมมิ้นท์ ไหมโครงตาข่าย

ไหมร้อยหน้า - ไหมไม่ละลาย

2. ไหมไม่ละลาย  เคยเป็นที่นิยมในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากไหมชนิดนี้ไม่สามารถผ่านเครื่อง CT Scan หรือ MRI ได้ และยังไม่สามารถทนความร้อนสูง ซึ่งอาจทำให้รูปทรงบิดเบี้ยวได้ ทั้งยังไม่สามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย เช่น ไหมพลาสติก ไหมทองค

ไหมร้อยหน้า ทำมาจากวัสดุอะไร ?

  • ไหมละลาย 
  1. PDO (Polydioxanone) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมใช้มากที่สุด มีความยืดหยุ่นสูง มีความแข็งแรง ไม่มีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ และเป็นไหมที่ใช้ในทางการแพทย์ ในการผ่าตัดเย็บเส้นเลือดหัวใจ PDO (Polydioxanone)
  2. PLLA (Polylactic acid) ตัววัสดุมีความแข็งแรง คงทน อยู่ได้นาน แต่มีปัญหาในเรื่องของการแตกหัก และเปราะง่าย ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น
  3. PCL (Polycaprolactone) มีความยืดหยุ่นกว่าPLLAตามการขยับของใบหน้า ทำให้ลดปัญหาการขาดของเส้นไหมได้ดี อยู่ได้ยาวนาน
  • ไหมไม่ละลาย                                

วัสดุทำมาจากโลหะ พลาสติก หรือทองคำ ไม่สามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย

  1. ไหมพลาสติกประเภทพอลิโพรไพลีน (Polypropylene) ไหมชนิดนี้ทางการแพทย์มีไว้ใช้เย็บแผล ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะ เช่น เกิดการอักเสบบริเวณปมไหม เมื่อใช้ไปสักระยะไหมจะหัก เปราะ ทำให้หน้ากลับมาหย่อนคล้อย

  1. ไหมทองคำ เป็นไหมที่นำทองคำบริสุทธิ์มาเป็นองค์ประกอบ ปัจจุบันไม่นิยมนำมาร้อยไหมยกกระชับผิวหน้า เพราะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้รูปหน้าเกิดการผิดรูปและเกิดการแพ้ได้ และคนไข้ที่ร้อยไหมชนิดนี้ไปไม่สามารถทำ CT Scan หรือ MRI ได้

ลักษณะของเส้นไหม

ลักษณะของเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนั้นการเลือกใช้ไหมก็จะไม่เหมือนกัน เนื่องด้วยไหมแต่ละแบบนั้นมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

  1. ไหมแบบเรียบ (Mono thread)
ไหมร้อยหน้า - ไหมเรียบ1
ไหมร้อยหน้า - ไหมเรียบ2

โดยลักษณะของไหมแบบเรียบสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ไหมแบบเรียบตรง และไหมแบบเกลียว

ไหมแบบเรียบตรงไหมแบบเกลียว (ไหม Screw)

เป็นไหมที่ไม่มีเงี่ยง จะช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูแน่นขึ้น และช่วยในเรื่องของหลุมสิว รูขุมขนกว้าง เนื่องด้วยไหมเรียบจะไม่มีเงี่ยงเกาะกับผิว จึงไม่ได้ช่วยยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยมากนัก

เป็นไหมชนิดเดียวกับไหมแบบเรียบ แต่ลักษณะของไหมจะพันเป็นเกลียวรอบเข็ม ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน และช่วยในการเพิ่มวอลลุ่มของผิวให้ดูอิ่มฟูได้ ซึ่งแตกต่างจากไหมแบบเรียบ
  1. ไหมแบบเงี่ยง (Barb thread)

เป็นไหมที่มีเงี่ยงออกจากเส้นไหมไว้ยึดเกาะกับผิวหนัง เส้นใหญ่ ลักษณะเงี่ยงอาจมีเงี่ยง 1 หรือ 2 ทิศทาง เห็นผลได้ดีเรื่องการยกกระชับ ข้อดีของไหมเงี่ยง คือ ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย กระเปาะแก้ม ปัญหาร่องน้ำหมากและร่องแก้ม เงี่ยงไหมจะสามารถล็อกผิวได้ดีกว่าไหมเรียบ จึงทำให้ใช้จำนวนเส้นไหมในการร้อยน้อยกว่าไหมแบบเรียบ

โดยลักษณะของเงี่ยงไหมสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ เงี่ยงแบบบาก และเงี่ยงแบบหล่อ

Uni-Direction เงี่ยงมีการเรียงตัวไปในทิศทางเดียวกัน ใน 1 แน
Bi-Direction เงี่ยงมีการเรียงตัว 2ทิศทางแบบสวนทางกัน ใน 1 แนว
3D Cog เงี่ยงมีการเรียงตัวแบบสามมิติรอบแนวเส้นไหม 360 องศา

  1. เงี่ยงแบบบาก

ลักษณะของเงี่ยงเกิดจากการผลิตโดยนำเลเซอร์มาบากที่ผิวด้านนอกของเส้นไหม ให้เป็นลักษณะซี่ๆ ออกมาจากแนวแกนกลางของเส้นไหม ซึ่งการเรียงตัวของเงี่ยงไหมมีได้หลายแบบ ดังนี้

Carving Cog ลักษณะเงี่ยงเหมือนโคนสามเหลี่ยมทึบคล้ายร่ม เรียงตัวไปตามแนวเส้นไหม
Molding Cog ลักษณะเงี่ยงจะคล้ายกับฟันเลื่อย หรือ ฟันปลาฉลาม
3D Molding Cog ลักษณะเงี่ยงเป็นหนามขนาดใหญ่ออกมาจากแกนกลางเส้นไหมและวนรอบทิศทาง 360 องศา คล้ายกับหนามกุหลาบ

  1. เงี่ยงแบบหล่อ

ลักษณะของเงี่ยงถูกหล่อขึ้นมาพร้อมกับตัวเส้นไหมจากแม่พิมพ์ คุณสมบัติพิเศษคือเงี่ยงมีความแข็งแรง เห็นเงี่ยงชัดเจน เกาะกับผิวได้แน่นเมื่อเทียบกับเงี่ยงบาก ซึ่งการเรียงตัวของเงี่ยงไหมมีได้หลายแบบดังนี้

ความแตกต่างระหว่างเงี่ยงแบบบากและเงี่ยงแบบหล่อ

ไหมร้อยหน้า - ไหมเงี่ยงแบบหล่อ

เนื่องจากเงี่ยงแบบบาก ตัวเงี่ยงเกิดจากการบากออกจากแกนกลางเส้นไหม ทำให้ก้านของเงี่ยง ไม่แข็งแรงมาก สามารถเคลื่อนตัวไปมาได้ค่อนข้างง่าย ทำให้แรงยึดเกาะกับชั้นผิวไม่มีความแข็งแรงเท่ากับเงี่ยงแบบหล่อ

  1. ไหมกรวย

เงี่ยงเป็นแบบกรวย 3 มิติ มีลักษณะเหมือนกรวยไอศกรีม ขนาดของไหมกรวยกว้างกว่าไหมแบบเงี่ยงทำให้เกาะกับผิวได้ดีกว่า กระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้นานกว่า และตัวกรวยไม่บาดผิว ช่วยลดอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื้อจากการที่ไหมขูดกับผิวได้ดีกว่าไหมแบบเงี่ยง 

แต่มีข้อเสียคือไหมชนิดนี้ค่อนข้างที่จะมีขนาดใหญ่ทำให้เมื่อสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวจะต้องใช้เทคนิคสูงจึงต้องร้อยกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น

  1. ไหมโครงตาข่าย

เงี่ยงไหมโครงตาข่ายมีลักษณะที่พิเศษกว่าไหมแบบอื่น คือ มีเงี่ยงไหม 2 ชั้น โดยชั้นด้านใน (Barb) เป็นเงี่ยงไหมที่หล่อขึ้นมาแบบ 3 มิติ รอบตัวไหม ชั้นด้านนอก (Mesh) เป็นเส้นใยโครงตาข่ายล้อมรอบตัวไหม 360 องศาตลอดทั้งเส้น ข้อดีของเงี่ยงไหม 2 ชั้น คือ ทำให้มีเงี่ยงที่แข็งแรง ยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้ดีมาก เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน

และเนื่องจากมีเส้นใยโครงตาข่ายล้อมรอบอีกชั้น ส่งผลให้เนื้อเยื้อใต้ชั้นผิวเกาะไหมได้แน่นขึ้น ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ผ่านรูโครงตาข่าย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวฟู เต่งตึง เรียกได้ว่าทำหัตถการ 1 อย่าง แต่ได้ผลลัพธ์ถึง 2-3 อย่าง

ลักษณะของปลายเข็ม

ในการร้อยไหม จะมีการใช้เข็มลักษณะต่างๆ เพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำ หมอต้องมีความชำนาญและประสบการณ์เลือกใช้เข็มได้อย่างเหมาะสมครับ เข็มแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป ดังนี้

เข็มทู่เข็มแหลม
เข็มทู่ มีลักษณะของเข็มนำไหม ที่มีวิวัฒนาการมาอีกหลายรูปแบบ ทั้งรูปทรงแบบเข็มทู่ธรรมดา เข็มทู่ทรง L Type หรือ ทรง W Type เป็นต้น ข้อดีคือ ลดโอกาสการทำลาย เนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว ลดโอกาสการเขียวช้ำ ข้อเสียคือ ร้อยไหมได้ยากกว่า คนไข้อาจรู้สึกเจ็บกว่า อาจมีอากรบวมได้มากกว่าเข็มแหลม เหมาะสำหรับการร้อยไหมเส้นใหญ่ๆ ที่ต้องใส่ในชั้นลึก เพื่อป้องกันการทำลายโครงสร้างผิวชั้นลึกเข็มแหลม มีลักษณะของเข็มนำไหมชนิดแรกๆ เลยที่มีการนำมาใช้ ข้อดีคือ ร้อยง่ายมาก คนไข้รู้สึกเจ็บน้อย ร้อยได้เร็ว เหมาะกับการร้อยไหมเส้นเรียบ หรือ ไหมคอลลาเจน ที่ต้องร้อยในชั้นผิวตื้นๆ ข้อเสียคือ มีโอกาสทำลาย เส็นเลือด หรือ โครงสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย มีโอการเขียวช้ำ ได้ง่ายกว่า

กลไกการทำงานของ ไหมร้อยหน้า


หลังจากร้อยไหมทันที หลังจากที่เราทำการ วางเส้นไหม เข้าไปในชั้นผิวแล้ว เงี่ยงของไหม จะไปทำการยึดกับชั้นเนื้อเยื่อที่เราวางไว้ จะทำให้เกิดแรงดึง และทำการเคลื่อนย้ายชั้นไขมัน ชั้นผิว โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นกระเปาะ ให้ถูกเคลื่อนมาไว้ในตำแหน่งที่สูงขึ้น จึงทำให้ใบหน้าดูยก และขอบหน้าดูชัดขึ้น ซึ่งเห็นผลทันทีหลังทำ 10-20% 
ช่วง 1 – 6 เดือนแรก ในช่วง 6 เดือนแรกนี้จะเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด โดยร่างกายจะกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน อีลาสตินรอบๆ แกนไหม ซึ่งปริมาณความหนาของคอลลาเจน จะขึ้นอยู่กับขนาดความหนาของแกนไหม และความหนาจำนวนเงี่ยงไหม ซึ่งการดูแลตัวเองของคนไข้ในช่วงนี้ คนไข้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ รวมไปถึงการหมั่นทามอยซเจอไรเซอร์ รักษาความชุ่มชื้นของผิว และอาจรับประทานกลุ่ม วิตามิน ซี เสริมร่วมด้วยเพื่อช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน
ช่วง 6 เดือนขึ้นไป ในช่วง 6 – 24 เดือนของการร้อยไหม คอลลาเจนที่ได้จากการกระตุ้นการสร้างรอบๆ เส้นไหม จะทำหน้าที่เป็นแกนคงความกระชับ และแรงดึงของกล้ามเนื้อใบหน้า และชั้นผิว โดยคอลลาเจนใหม่นี้ จะค่อยๆ กินเนื้อไหมและแทนที่เส้นไหมไปจนหมด โดยในช่วงนี้แนะนำกระตุ้นความแข็งแรงของคอลลาเจน ด้วยการทำกลุ่มเครื่องยกกระชับ จะช่วยคงสภาพความแข็งแรงของคอลลาเจน และช่วยยืดอายุประสิทธิภาพของการร้อยไหม

ร้อยไหมหน้า ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

การร้อยไหมเป็นหัตถการที่เน้นในเรื่องของการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ โดยสามารถแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิวได้หลากหลายตำแหน่ง และยังแก้ไขปัญหาอื่นๆ ได้นอกจากความหย่อนคล้อย ได้แก่

  • ร้อยไหมหน้าเรียว ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับ กรอบหน้าชัด ใบหน้าเรียวได้สัดส่วน
  • ร้อยไหมยกมุมปาก ยกกระชับกระเปาะไขมันช่วงมุมปากให้กระชับ ร่องน้ำหมากดูดีขึ้น
  • ร้อยไหมร่องแก้ม ยกกระชับผิวช่วงหน้าแก้มที่หย่อนเกิดเป็นรอยพับร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูดีขึ้น
  • ร้อยไหมเหนียง แก้ปัญหาเหนียงที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น เห็นแนวกระดูกกรามชัดขึ้น
  • ร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก ยกหางคิ้ว หางตาขึ้น
  • ร้อยไหมจมูก ช่วยปรับสันจมูกให้ดูโด่งขึ้น ลดขนาดปีกจมูก
  • ร้อยไหมคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอย
  • ร้อยไหม Foxy Eyes ช่วยยกหางตา และหางคิ้วให้โฉบเฉี่ยว คล้ายตาจิ้งจอก ทำให้ใบหน้าดูคมและสดใสขึ้น ช่วยแก้ปัญหาตาตก ตาง่วง ตาเศร้า
  • ร้อยไหมหน้าผาก ช่วยยกกระชับโดยจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าผากไม่เรียบตึง คิ้วไม่ยก ต้องการปรับรูปหน้าผากให้เรียบตึง

ร้อยไหมอันตรายไหม

หลายคนกังวลว่าร้อยไหมอันตรายไหม ทำให้ลังเลที่จะเข้ามาร้อย จริงๆ แล้วไม่เป็นอันตรายหากเราเลือกใช้ไหมที่มีคุณภาพ เหมาะกับสภาพผิว และร้อยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ โดยการร้อยไหมนั้นจะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปดังนี้

ข้อดีของการร้อยไหมข้อเสียของการร้อยไหม
เห็นผลได้ทันทีไม่ต้องพักฟื้นไม่ทิ้งรอยแผลเป็นปลอดภัยไม่มีสารตกค้างปรับรูปหน้าให้สมดุล แก้ไขปัญหาต่างๆ ของใบหน้ามีอาการบวม ฟกช้ำ ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกไม่สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มที่ลึกมากๆ ได้หากร้อยถี่เกินไป อาจจะทำให้เกิดพังผืดได้อาจเกิดคลื่นไหมหรือริ้วไหมไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ถาวร

จะเห็นได้ว่าหลังการร้อยไหมอาจเกิดอาการข้างเคียงหลังทำได้ ไม่ว่าจะเป็น อาการบวมช้ำ รอยริ้วไหม ความระบมใต้ผิว โดยอาการเหล่านี้สามารถหายได้เป็นปกติไม่ต้องกังวล แต่ทั้งนี้การร้อยไหมไม่อาจให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานเป็น 10 ปี เมื่อเทียบกับการผ่าตัดดึงหน้า

สรุป

ไหมที่ใช้ร้อยหน้านั้นมี 2 แบบคือ ไหมละลาย ทำมาจาก Polydioxanone Polylactic acid และ Polycaprolactone ส่วน ไหมไม่ละลาย นั้นทำมาจากโลหะ พลาสติก หรือทองคำ ซึ่งไม่เป็นอันตรายหากเราเลือกใช้ไหมที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐาน และร้อยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์

BOTOX

ย้อนเวลาแห่งวัย คืนหน้าเรียว เริ่มต้น
฿ 6,990
  • Botox กราม
  • Botox ริ้วรอย
  • Botox หางตา
  • อื่นๆ

FILLER

เติมเต็มให้ละมุนทุกมิติ เริ่มต้น
฿ 6,990
  • ฟิลเลอร์ปาก
  • ฟิลเลอร์คาง
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา
  • อื่นๆ

MESOTHERAPY

บำรุงชั้นผิวให้ด้วยมัลติวิตามิน เริ่มต้น
฿ 2,990
  • เมโสหน้าใส
  • เมโสแฟต
  • เมโสผม
  • อื่นๆ

Would you like to share your thoughts?

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว คืออะไร แก้ปัญหาหนังตาตกได้จริงไหม?

ริ้วรอยระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่เกิดรอยย่นได้ง่าย ทำให้ใบหน้าเราดูมีอายุ เศร้าหมอง ไม่สดใส ซึ่งสามารถแก้ไข

Read More »

เคล็ดลับกู้ผิวพังให้ปังหลัง สงกรานต์

เล่นน้ำสงกรานต์ที เหมือนผ่านสงคราม ทั้งแดดทั้งฝุ่น ไหนจะโดนสาดน้ำกันแบบจุกๆ ทำให้ผิวพังหน้าหมองคล้ำขั้น วันนี้เรามีทริคง่ายๆ ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาใสเป๊ะปังกว่าเดิม

Read More »

Zigma Clinic คือคลินิกเสริมความงามที่มุ่งเน้นการรักษาคนไข้ ด้วยการใช้นวัตกรรมทางความงามปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์เน้นให้บริการที่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ

Navigation

Address

ซิกม่า คลินิก 2 26 ถ. ราษฎร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240

Call Us

+66629977838

Email Address

zigmaclinic2022@gmail.com