หมวดหมู่

Table of Contents

บอกลาตาหมีแพนด้า ด้วย เมโสใต้ตา

คงมีใครหลายๆ คนเคยโดนล้อว่า “ตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า” นั่นคือบริเวณด้านล่างของดวงตาจะมีสีเข้มค่อนข้างชัดเจน ซึ่งส่งผลให้ดวงตาดูไม่สดใส อิดโรย และเหนื่อยล้า ทำให้เกิดความกังวลและไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง แต่ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขให้หายไปได้เช่นกันด้วยเมโสใต้ตา

ทำไมใต้ตาเราคล้ำเหมือนหมีแพนด้า

การพักผ่อนน้อย หรือนอนดึกเป็นแค่สาเหตุแรกๆที่หลายๆ คนคิดเป็นสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาของเราดูหมองคล้ำไม่สดใส แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุของใต้ตาคล้ำ เรามาลองสังเกตไปพร้อมๆ กันว่าการที่ใต้ตาคล้ำนั้นเกิดจากสาเหตุต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำได้อย่างตรงจุด

  1. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

ร่างกายคนเราควรได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายมีช่วงที่ต้องฟื้นฟูอวัยวะส่วนต่างๆ เมื่อเรานอนน้อย หรือพักผ่อนไม่พอ จะส่งผลให้เม็ดสีเมลานินจะทำงานหนักขึ้น ทำให้เส้นเลือดบริเวณรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก และเกิดการขยายตัวของเส้นเลือดดำ จึงทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาขึ้น และที่เราเห็นรอยคล้ำได้ชัดนั้นเป็นเพราะผิวของเราเกิดการซีดจาง และดวงตาก็ลึกขึ้น ทำให้เห็นรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

เมโสใต้ตา - นอนไม่พอ

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายจะถดถอยลง โดยเฉพาะผิวหนัง ที่จะเกิดการหย่อนคล้อย รวมถึงผิวหนังรอบดวงตาก็สามารถหย่อนคล้อยลงไปตามวัยได้เช่นกัน เพราะร่างกายผลิตคอลลาเจนและไขมันน้อยลง ทำให้เกิดเป็นรอยย่นใต้ตา ส่งผลให้เรามีใต้ตาคล้ำขึ้น เนื่องจากจะสามารถมองเห็นหลอดเลือดได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง

เมโสใต้ตา - อายุเพิ่มขึ้น

  1. กรรมพันธุ์

ไม่เพียงแต่หน้าตาหรือลักษณะอย่างอื่นที่จะถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมเท่านั้น รอยคล้ำรอบดวงตาก็สามารถส่งต่อผ่านพันธุกรรมได้เช่นกัน โดยครอบครัวที่มีลักษณะโครงหน้าแบบเบ้าตาลึกก็จะดูมีรอยคล้ำใต้ตาที่มองเห็นได้ชัดกว่า เพราะแสงเกิดการตกกระทบบนใบหน้าทำให้เห็นเป็นเงาดำบริเวณโดยรอบดวงตา ทั้งนี้ สีผิวที่ต่างกันก็ทำให้เห็นรอยคล้ำไม่เหมือนกันด้วย โดยคนที่ผิวขาวกว่าจะมองเห็นรอยดำใต้ตาได้ชัดกว่าคนผิวเข้ม

เมโสใต้ตา - กรรมพันธุ์

  1. ร่างกายขาดน้ำ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายคนเราต่างต้องการ ไม่เพียงช่วยในการดับกระหายเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องได้ด้วย ดังนั้นถ้าหากผิวแห้งกร้านจากการขาดน้ำ ก็จะดูไม่กระจ่างใสเนื่องจากเซลล์ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ส่งผลให้รอบดวงตาที่มีผิวค่อนข้างบางเกิดรอยดำ และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

เมโสใต้ตา - ร่างกายขาดน้ำ

  1. เจอแสงแดดมากเกินไป

ผิวรอบดวงตาของคนเรามีความบอบบาง เมื่อเจอกับแสงแดดจ้ามากๆ ก็จะทำให้เกิดรอยคล้ำได้ง่าย เนื่องจากแสงแดดจะไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นกว่าเดิม ใต้ตาจึงคล้ำกว่าบริเวณอื่นๆ อย่างชัดเจน และยังก่อให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าได้อีกด้วย

เมโสใต้ตา - เจอแสงแดดมากไป

  1. สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์มาก

แอลกอฮอล์และบุหรี่ เป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย เพราะว่าแอลกอฮอล์ไปกระตุ้นทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากกว่าเดิม จนสังเกตเห็นรอยคล้ำบริเวณดวงตาได้ชัดมากยิ่งขึ้น

เมโสใต้ตา - สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์มาก

  1. ความเครียด

ความเครียดเป็นภาวะของอารมณ์ที่ทำให้รู้สึกกดดัน บีบคั้น หากไม่สามารถจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ไม่เพียงพอ จนเป็นเหตุให้ใต้ตาดำคล้ำไม่สดใสได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่มีความเครียดสะสมมาก หรือใช้สายตาเยอะก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดใต้ตาหมีแพนด้าได้ เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้เพิ่มมากขึ้น ดวงตาของเราจึงดูลึกกว่าเดิมเพราะสีผิวที่ซีดจางลงไปนั่นเอง

เมโสใต้ตา - ความเครียด

  1. การไหลเวียนของเลือดใต้ดวงตาไม่ดี

ปัญหาของชาวภูมิแพ้ที่นอกจากจะหายใจไม่สะดวกแล้วยังทำให้หน้าตาดูหมองคล้ำอีกด้วย เพราะว่าเส้นเลือดดำรอบดวงตาจะเกิดการขยายมากกว่าเดิม จนก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และส่งผลให้มีเลือดคั่งช่วงขอบตาล่างได้ อีกทั้งอากาศที่ไม่เป็นใจก็จะทำให้เกิดการปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดเพราะจมูกบวม ทำให้มีปัญหาใต้ตาคล้ำตามมา ซึ่งรอยคล้ำนี้อาจอยู่ถาวรได้หากไม่ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

เมโสใต้ตา - การไหลเวียนของเลือดใต้ดวงตาไม่ดี

เมโสใต้ตา คืออะไร ต่างกับเมโสหน้าใสทั่วไปอย่างไร

เมโสใต้ตา ส่วนผสมของเมโสใต้ตาจะแตกต่างกับเมโสหน้าใสทั่วไปอย่างเช่นตัวส่วนผสมอย่าง HA หรือ Hyaluronic Acid ที่จะมีความเข้มข้นสูงกว่าเมโสหน้าใสทั่วไป ซึ่งจะส่งผลให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ใต้ชั้นผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูสว่างกระจ่างใสขึ้น และช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าที่ดูโทรมนั้น กระจ่างใสขึ้น มีความชุ่มชื่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ยังมีส่วนผสมยังมีส่วนผสมของสารอาหารผิวอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

เมโสใต้ตาต่างกับฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร

ทั้งเมโสใต้ตากับฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตัวยาที่มีไฮยาลูรอนิกแอซิดเป็นส่วนประกอบหลักเหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างกันทางกายภาพ และขนาดโมเลกุลของ HA 

โดยเมโสใต้ตาจะเป็น HA แบบโมเลกุลเดี่ยว (Non Cross-Linked) ที่ไม่มีการเชื่อมเกาะกัน เมื่อฉีดแล้วตัวยาจะกระจายตัวใต้ผิวได้ง่าย รวมถึงมีส่วนผวมจากวิตามินอื่น ๆ ที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส และเหมาะสำหรับการฉีดบำรุงผิวใต้ตาให้มีความเรียบเนียน ดูสดใสขึ้น แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้ และช่วยปรับสภาพผิวบริเวณนั้นให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี

ส่วนฟิลเลอร์ จะเป็นสารเติมเต็มที่ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น สำหรับฟิลเลอร์ที่นำมาฉีดปรับรูปหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็น HA ล้วน ๆ ไม่มีสารอื่นมาผสมครับ ฟิลเลอร์จึงมีค่าความอุ้มน้ำ ความยืดหยุ่น การกระจายตัว และจำนวนการเชื่อมพันธะที่หนาแน่นกว่า เมโสใต้ตา 

ซึ่งคุณสมบัติของฟิลเลอร์ คือจะช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น (Hydration) เติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนัง รวมถึงฉีดซัพพอร์ตโครงสร้างกระดูกที่เกิดการทรุดตัว และเพิ่มความยืดหยุ่นใต้ผิวหนัง (Increase Elasticity) เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่ต้องการแก้ไข ริ้วรอยบริเวณนั้นจะตื้นขึ้น ผิวเต่งตึงขึ้น และจากการวิจัยล่าสุดพบว่าฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันอนุมูลอิสระที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น มลภาวะ และยังช่วยชะลอริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย

เมโสใต้ตา อันตรายไหม

การฉีดเมโสใต้ตาเป็นการใช้ตัวยาที่เป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ เป็นสารชนิดเดียวกับที่ร่างกายผลิตได้เองและเป็นชนิดเดียวกับที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นจึงไม่มีสารสังเคราะห์ใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างอย่างแน่นอน เพียงแต่ในการฉีดบริเวณใกล้กับดวงตาจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการฉีดเนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อเกิดการช้ำได้ง่ายเนื่องจากมีเส้นเลือดค่อนข้างเยอะ และควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ตัวยาที่มีคุณภาพเพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง

หลังฉีดเมโสใต้ตากี่วันเห็นผล

หลังจากที่คนไข้ฉีดเมโสใต้ตา ตัวยานั้นจะเข้าไปช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ส่งผลให้ใต้ตาดูสว่างกระจ่างใสขึ้น อีกทั้งตัว HA ที่อยู่ในตัวยาจะช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น อิ่มฟู โดยจะเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 3 วัน และจะเห็นประสิทธิภาพสูงสุดภายใน 7 วัน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยทางร่างกายของแต่ละบุคคล 

สรุป

เมโสใต้ตาช่วยให้ใต้ตาหายคล้ำได้ เนื่องจากเมโสใต้ตานั้นมีส่วนผสมของ HA และสารสกัดอื่นๆ ที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ส่งผลให้ใต้ตาดูสว่างกระจ่างใสขึ้น อีกทั้งตัว HA ที่อยู่ในตัวยาจะช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น อิ่มฟู 

BOTOX

ย้อนเวลาแห่งวัย คืนหน้าเรียว เริ่มต้น
฿ 6,990
  • Botox กราม
  • Botox ริ้วรอย
  • Botox หางตา
  • อื่นๆ

FILLER

เติมเต็มให้ละมุนทุกมิติ เริ่มต้น
฿ 6,990
  • ฟิลเลอร์ปาก
  • ฟิลเลอร์คาง
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา
  • อื่นๆ

MESOTHERAPY

บำรุงชั้นผิวให้ด้วยมัลติวิตามิน เริ่มต้น
฿ 2,990
  • เมโสหน้าใส
  • เมโสแฟต
  • เมโสผม
  • อื่นๆ

Would you like to share your thoughts?

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ร้อยไหมร่องแก้ม ช่วยให้ร่องร่องแก้ม ร่องน้ำหมากหายไปจริงหรอ ?

ปัญหาร่องแก้ม หรือ รอยย่นที่แก้ม ทำให้เจ้าของใบหน้าดูแก่ก่อนวัย หลายๆ คนเสียความมั่นใจจากปัญหาเหล่านี้

Read More »

โบท็อกซ์ปีกจมูก หรือ การตัดปีกจมูก แบบไหนดีกว่ากัน ?

จมูกบาน จมูกเป็นลูกชมพู่ เวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้ายิ่งเห็นชัดถ่ายรูปหน้าตรงด้านข้างไม่มั่นใจ สามารถแก้ไข

Read More »

Zigma Clinic คือคลินิกเสริมความงามที่มุ่งเน้นการรักษาคนไข้ ด้วยการใช้นวัตกรรมทางความงามปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์เน้นให้บริการที่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ

Navigation

Address

ซิกม่า คลินิก 2 26 ถ. ราษฎร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240

Call Us

+66629977838

Email Address

zigmaclinic2022@gmail.com