หมวดหมู่

Table of Contents

คางสองชั้น เหนียงเยอะ ร้อยไหมเหนียง ช่วยได้จริงไหม ?

เหนียงใต้คาง คงเป็นปัญหาที่ใครหลายๆ คนหนักใจไม่น้อย เพราะเหนียงคือส่วนที่จัดการได้ยากที่สุด บางคนใช้วิธีลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ใช้ท่าบริหารส่วนคอแล้ว แต่เหนียงก็ยังไม่หายไปเสียที ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากพันธุกรรม หรือเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อใบหน้าหย่อนคล้อยนั่นเอง เมื่อวิธีแบบธรรมชาติไม่อำนวย จึงต้องมีตัวช่วยลดเหนียงด้วยวิธีการร้อยไหมเหนียง ที่จะทำให้เรื่องเหนียงไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกต่อไป

เหนียงคืออะไร

เหนียง คือ ลักษณะถุงไขมันบริเวณใต้คาง ทำให้เห็นเป็นเหมือนคางสองชั้น(double chin) เกิดจากการสะสมของไขมันในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจเกิดร่วมกับความหย่อนคล้อยของผิวหนังตามช่วงวัย สามารถพบได้ทุกช่วงวัย ทั้งเพศชายและเพศหญิง เหนียงไม่ได้บ่งบอกถึงการเป็นโรคแต่อย่างใดค่ะ เพียงแค่เป็นสิ่งที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับเรา ทำให้กรอบหน้าดูไม่คมชัดเพียงเท่านั้น 

นอกจากนั้นพฤติกรรมต่างๆก็มีผลกับการเกิดเหนียงด้วย ได้แก่ การรับประทานอาหารเยอะไม่ออกกำลังกาย, พฤติกรรมที่ชอบก้มพับคออยู่เสมอ เช่น การนอนเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานาน เป็นต้น รวมไปถึงบางคนเกิดจากกรรมพันธุ์

วิธีการลดเหนียง

ปัญหาเหนียงย้อย คางสองชั้น ทำให้หลายคนกำลังตามหาวิธีลดเหนียง ซึ่งวิธีลดเหนียงมีให้เลือกหลากหลายวิธี แล้วปัญหาเหนียงของเราจะเหมาะกับวิธีไหนบ้าง ไปดูเกันเลย

  1. เมโสแฟตเหนียง

การฉีดแฟตเหนียง เป็นวิธีลดเหนียงยอดฮิตอันดับต้นๆ เพราะเป็นวิธีช่วยสลายไขมันได้อย่างตรงจุด โดยการฉีดเมโสแฟต จะเป็นการฉีดตัวยาที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเข้าไปช่วยสลายไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คาง ที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดเหนียง คางสองชั้น ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมในปริมาณน้อย – ปานกลาง โดยหลังฉีดเสร็จจะเห็นผลลัพธ์ที่ประมาณ 20-30% ควรมีการกลับมาฉีดซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมบริเวณใต้คางของแต่ละบุคคล

  1. โบท็อกซ์ลดเหนียง 

การฉีดโบท็อกซ์ลดเหนียง คือการใช้วิธีโบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า ด้วยเทคนิค Nefertiti lift เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยังกล้ามเนื้อ Platysma ช่วงบริเวณลำคอและใบหน้าส่วนล่างให้กล้ามเนื้อส่วนนี้มีการทำงานลดลง ผิวช่วงกรอบหน้าถูกดึงขึ้น ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น เหนียงดูลดลง

โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน 2-4 สัปดาห์ และจะอยู่ได้นานประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ทั้งนี้โบท็อกซ์เหนียงจะเหมาะกับผู้ที่ผิวช่วงบริเวณกรอบหน้าไม่กระชับ มีเหนียงจากผิวหย่อนคล้อย ไม่ใช่เหนียงที่เกิดจากการสะสมของไขมัน

  1. ดูดไขมันเหนียง

การดูดไขมันเหนียง (Double Chin Liposuction) คือ การใช้อุปกรณ์และท่อขนาดเล็กดูดไขมันส่วนเกินออกมา โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางในปริมาณที่มาก และยังมีความยืดหยุ่นของผิวที่ดี การดูดไขมันถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีลดเหนียงแบบเร่งด่วนที่เห็นผลชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำว่าผิวใต้คางดูกระชับขึ้น เหนียงลดลง แต่ทั้งนี้ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น 2-3 วัน และต้องทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น รอยเขียวช้ำมาก อาการบวมมาก ผิวไม่กระชับ เป็นต้น

  1. HIFU ลดเหนียง 

การทำ HIFU ลดเหนียง คือการใช้คลื่นอัลตราซาวด์เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ปล่อยเข้าชั้นผิว SMAS ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เหนียงที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น โดยจะเห็นผลชัดเจนประมาณ 1-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ผิวหลวมเหลวขาดคอลลาเจนและมีความหย่อนคล้อย เกิดเป็นเหนียงย้อย ดูไม่กระชับ รวมถึงมีความหย่อนคล้อยในระดับน้อยถึงปานกลาง และจะไม่เหมาะกับกับผู้ที่มีเหนียงเยอะจากการสะสมของไขมันส่วนเกินในปริมาณมาก

  1. ผ่าตัดลดเหนียง

ผ่าตัดลดเหนียง หรือผ่าตัดกระชับเหนียง คือการศัลยกรรมผ่าตัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คางที่สะสมทำให้เกิดเป็นเหนียง และสามารถช่วยยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางและคอที่หย่อนคล้อย เป็นวิธีที่ลดเหนียงได้อย่างถาวร  และเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางในปริมาณที่มาก แต่ข้อเสียคือจะมีรอยแผลเปิดบริเวณใต้คาง ซึ่งจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ได้ง่าย อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากดูแลตัวเองหลังทำได้ไม่ดีพอ

  1. ร้อยไหมเหนียง

การร้อยไหมเหนียง เป็นการใส่ไหมเข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิวบริเวณที่มีเหนียง โดยไหมจะช่วยดึงยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยขึ้น หลังร้อยเหนียงจะดูกระชับ กรอบหน้าดูชัดขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำซึ่งการร้อยไหมจะไม่ได้เข้าไปช่วยสลายไขมันโดยตรงค่ะ แต่จะเน้นไปที่การดึงยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยจนทำให้เกิดเป็นเหนียงนั่นเองค่ะ  โดยจะเหมาะกับผู้ที่ผิวบริเวณใต้คางมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีเหนียงในปริมาณที่ไม่ได้เยอะมาก และจะไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อเหนียงเยอะ ผิวค่อนข้างแน่น ในกรณีหากมีไขมันใต้คางสะสมเยอะหมอจะแนะนำให้รักษาด้วยการฉีดสลายไขมันก่อนแล้วจึงมาร้อยไหมเก็บเหนียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ร้อยไหมเหนียง ช่วยลดเหนียงได้อย่างไร

  • ผู้ที่มีปัญหาเหนียงจากเนื้อคางแน่นหรือหย่อนคล้อย

สำหรับท่านที่มีปัญหาเหนียงใต้คางแน่น หรือมีเนื้อคางที่หย่อนคล้อยอยากจะกำจัดออกด้วยวิธีที่รวดเร็วเจ็บน้อยไม่ต้องพักฟื้นนาน การเลือกวิธีร้อยไหมเหนียงสามารถช่วยยกกระชับผิวบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยได้  โดยไหมจะเกาะกับชั้นไขมันบริเวณเหนียงและยกกระชับขึ้นเหมือนการถูกขึงให้ตึง เหนียงจึงดูไม่ป่องและกระชับขึ้นหลังร้อยเสร็จทันที กรอบหน้าจะดูเด่นชัดขึ้นด้วย มองมุมไหนก็สวย

  • ผู้ที่มีปัญหาเนื้อไขมันบริเวณใต้คาง 

สำหรับคนไข้บางท่านที่มีเนื้อไขมันบริเวณใต้คางที่แน่นและหนาจนเกินไป การเลือกใช้วิธีร้อยไหมเหนียงอย่างเดียวจะไม่ค่อยตอบโจทย์ค่ะ เพราะการร้อยไหมจะเป็นการย้ายตำแหน่งผิวจากเหนียงช่วงตรงกลางไปบริเวณด้านข้างแต่ไม่ลดปริมาณลง ดังนั้นถ้าไขมันแน่นจะไปกองอยู่ด้านข้างแทน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีของคนไข้เราจะแนะนำให้ทำการสลายไขมันส่วนเกินออกไปให้ได้มากที่สุดก่อน แล้วค่อยมาทำการร้อยไหมเพื่อยกกระชับภายหลัง

  • ผู้ที่มีผิวหลวมเหลวขาดคอลลาเจน

สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผิวหลวมเหลวจากการขาดคอลลาเจนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ไม่ค่อยแนะนำให้เลือกวิธีการร้อยไหมเป็นอันดับแรกเนื่องจากเมื่อคอลลาเจนใต้ผิวน้อย ผิวจะไม่แน่นมีช่องว่างเยอะไหมจะเกาะได้ไม่ดี ขอแนะนำให้ใช้วิธีลดเหนียงด้วยการทำเลเซอร์ในการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวก่อนจำพวก HIFU แล้วค่อยมาพิจารณาร้อยไหมเพื่อยกกระชับภายหลัง

ลักษณะของไหมที่เหมาะกับการร้อยเหนียง

การร้อยไหมเก็บเหนียงแนะนำให้เลือกใช้ไหมด้วยเทคนิคผสมกันระหว่าง “ไหมเงี่ยง” และ “ไหมเรียบ” โดยไหมเงี่ยงจะทำหน้าที่ยึดเกาะกับชั้นไขมันและกล้ามเนื้อให้ยกกระชับขึ้น คล้ายกับการเกี่ยวเอ็นตกปลา แนวการดึงไหมจะดีไซน์โดยแพทย์ เป็นไปในทิศทางแนวกลางออกไปแนวด้านข้าง และจะต้องมีจุดเกาะ (จุดfix) ที่แข็งแรงคือบริเวณแนวหลังใบหู

ไหมก้างปลา ตัวไหมมีลักษณะเงี่ยงที่เหมือนก้างปลาเป็นเงี่ยงสองแนว เส้นใหญ่ สามารถยกกระชับและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินได้ดี 
ปลายเข็มเป็นแบบแหลม อาจเกิดอาการบวม เขียวช้ำ ได้มากกว่าไหมชนิดที่เป็นเข็มปลายทู่
ไหมทอร์นาโด ไหมเส้นใหญ่ มีเงี่ยงรอบทิศทาง 360 องศา ช่วยยึดเกาะกับผิวดี มีประสิทธิภาพการยกกระชับเห็นผลชัดเจน โดยวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง ไม่หักหรือเปราะง่าย
ปลายเข็มเป็นแบบทู่ตัด ลดโอกาสในการตัดเส้นเลือดใต้ชั้นผิวได้ ช่วยลดการบวม เขียวช้ำ ได้ดีกว่าไหมที่เป็นเข็มปลายแหลม ทำให้แผลหายได้เร็วโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
ไหม Mint เป็นไหมเส้นใหญ่พิเศษใช้สำหรับยกกระชับผิวโดยตรง เงี่ยงไหมหล่อขึ้นมาแบบเฉพาะ (Molding cog) รอบทิศทาง 360 องศา มีลักษณะเป็นแบบ 3 มิติ มีความแข็งแรงกว่าเงี่ยงแบบบาก
ปลายเข็มเป็นแบบทู่มน ช่วยทำให้ลดอาการบวม เขียว ช้ำ ได้ดีมากที่สุด
ไหมโครงตาข่าย (Tesslift soft) เป็นไหมเส้นใหญ่ เงี่ยงไหมคุณสมบัติพิเศษมีสองชั้นด้านในเป็นเงี่ยงแบบหล่อรอบทิศทางแบบสามมิติ ด้านนอกเป็นลักษณะโครงตาข่ายคลุมรอบตัวไหมเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการยึดเกาะกับผิวให้แน่นขึ้น
มีความเด่นมากในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวดูกระชับ ลักษณะของปลายเข็มจะเป็นเข็มปลายทู่มน ช่วยทำให้ลดอาการบวม เขียวช้ำได้มาก
ไหมเรียบ หรือไหมคอลลาเจน ทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณชั้นผิว จะทำให้ผิวที่หย่อนดูกระชับขึ้น โดยลักษณะการร้อยจะร้อยสานกันเป็นร่างแหคล้ายตาข่ายเพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนตามแนวไหมทำให้ผิวกระชับเป็นบริเวณกว้าง

ร้อยไหมเหนียงใช้กี่เส้น

จำนวนไหมที่ใช้ในการร้อยไหมเหนียงจะมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของไหมที่ใช้ ดังนี้

  • ไหมก้างปลา ไหมทอร์นาโด ใช้ประมาณ 4 – 6 เส้น
  • ไหมโครงตาข่าย (Tesslift) ใช้ประมาณ 2 – 4 เส้น
  • ไหม Mint fine ใช้ประมาณ 1 – 2 เส้น
  • ไหม Mint easy ใช้ประมาณ 2 – 3 เส้น

การเตรียมตัวก่อนทำร้อยไหมเหนียง

  • หากมีโรคประจำตัวและยาที่รับประทานเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ 
  • 3 วันก่อนทำหัตถการร้อยไหม ให้งดการทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว เช่น การกำจัดขน
  • 24 ชั่วโมงก่อนการทำหัตถการ งดการทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกาย Cardio
  • งดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังทำร้อยไหมเหนียง

  • รับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม เพื่อกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน
  • หลังจากทำหัตถการ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการนวด กด เกา และการขยับใบหน้ามากๆ เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบได้
  • ในระยะเวลา 1 เดือน ให้งดการทำหัตถการอื่นๆ ที่ต้องใช้ความร้อนลงบนผิวหน้าชั้นลึก เช่น การยิงเลเซอร์

สรุป

การร้อยไหมเหนียง สามารถช่วยยกกระชับเก็บเหนียงที่หย่อนคล้อยขึ้นมาได้ ยิ่งทำร่วมกับการฉีดสลายไขมันหรือเลเซอร์ยกกระชับจะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น เทคนิคการร้อยไหมบริเวณเหนียงแนะนำให้เลือกใช้ไหมผสมกันระหว่าง “ไหมเงี่ยง” และ “ไหมเรียบ” เนื่องจากจะสามารถช่วยดึงยกกระชับไขมันที่หย่อนและกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งไหมที่ใช้เป็นไหมละลายสลายได้เอง มีความปลอดภัย หลังจากร้อยไหมคนไข้จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทันที และจะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นภายใน 1 เดือน

BOTOX

ย้อนเวลาแห่งวัย คืนหน้าเรียว เริ่มต้น
฿ 6,990
  • Botox กราม
  • Botox ริ้วรอย
  • Botox หางตา
  • อื่นๆ

FILLER

เติมเต็มให้ละมุนทุกมิติ เริ่มต้น
฿ 6,990
  • ฟิลเลอร์ปาก
  • ฟิลเลอร์คาง
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา
  • อื่นๆ

MESOTHERAPY

บำรุงชั้นผิวให้ด้วยมัลติวิตามิน เริ่มต้น
฿ 2,990
  • เมโสหน้าใส
  • เมโสแฟต
  • เมโสผม
  • อื่นๆ

Would you like to share your thoughts?

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร ทำไมฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วหนังตายกขึ้น?

เคยเป็นไหมหลังใช้เมโสแฟตเพื่อลดไขมันบนหน้าที่เราไม่ต้องการ แต่กลายเป็นว่าหน้าเล็กจนดูตอบ ขมับตอบ

Read More »

Zigma Clinic คือคลินิกเสริมความงามที่มุ่งเน้นการรักษาคนไข้ ด้วยการใช้นวัตกรรมทางความงามปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์เน้นให้บริการที่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ

Navigation

Address

ซิกม่า คลินิก 2 26 ถ. ราษฎร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240

Call Us

+66629977838

Email Address

zigmaclinic2022@gmail.com