ปัญหาใต้ตา เช่น ริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ที่ทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดใส การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ปัญหาใต้ตาเหล่านี้ได้ บทความนี้ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลังฉีดบวมกี่วัน!
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องลึก ถุงใต้ตา ให้เรียบตึงขึ้น โดยฉีดสารเติมเต็มเข้าไปทดแทนเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนใต้ตาให้กลับมาเต่งตึง ทำให้บริเวณใต้ตาดูฟู สว่างขึ้น และช่วยให้ชั้นผิวหนาขึ้น ลดการเห็นสีของเส้นเลือดบนหน้าได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา เป็นรอยเหี่ยวย่นรอบๆ ดวงตา ที่ทำให้หน้าดูมีอายุ
- ขอบตาดำคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตา ที่ทำให้หน้าดูอ่อนล้า
- ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย ทำให้เห็นริ้วรอยและร่องใต้ตาชัดขึ้น
- เบ้าตาลึก ตาโหล ที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา
ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?
เมื่อเราอายุที่มากขึ้น โครงสร้างใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ กระดูกยุบตัวลง ทำให้เห็นร่องใต้ตาลึกชัดขึ้น ใต้ตาหย่อนคล้อย คล้ำขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ โทรม เหนื่อยล้า ไม่สดใส
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฉีดโดยใช้สารเติมเต็มประเภท HA
- หลังทำเห็นผลลัพธ์ทันที
- ใช้เวลาทำไม่นาน เจ็บน้อย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- อาจมีอาการบวมหลังฉีด แต่จะหายไปเองใน 2-3 วัน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ระยะเวลาขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
ฉีดไขมันใต้ตา
- ใช้ไขมันที่ดูดจากบริเวณอื่นมาเติมใต้ตา
- ทำหลายครั้งถึงเห็นผลลัพธ์
- คนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันมาเพื่อฉีด
- อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน
- ผลอยู่ได้นาน
ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาร่องใต้ตา
- ผู้ที่มีถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำขอบตาดำ
- ผู้ที่มีไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
- ผู้ที่แต่งหน้าเครื่องสำอางตกร่อง
คนไข้แบบไหนที่ไม่สามารถเติมบริเวณใต้ตาได้เลย ?
คนไข้หลายท่านมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น Restylane vital light มาเติมเลย ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาสำหรับผู้ที่มีใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา จะทำให้ต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็นใส่ไปบริเวณชั้นตื้นๆ ทำให้เวลายิ้มเป็นก้อนเป็นลำขึ้นมา หรือเห็นเป็น Tyndall effect เกิดขึ้น
ดังนั้นปัญหาเรื่องใต้ตาของแต่ละบุคคลคนนั้นไม่เหมือนกัน จึงต้องได้รับคำแนะนำหรือการประเมินใบหน้าจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก่อนถึงจะสามารถเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตาของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
- การแก้ไข้ใต้ตาชั้นลึก
ใช้ฟิลเลอร์แบบเนื้อแข็งเพื่อไปซัพพอร์ตโครงสร้างด้านใต้ที่อ่อนตัวไปตามกาลเวลา (Aging proces) ที่ทำให้เกิดชั้นตาลึกหรือมีถุงใต้ตาหย่อนก่อน
โดยโครงสร้างที่ว่าคือไขมันชั้นลึกช่วงหน้าแก้มและใต้ตา แนวกระดูกเบ้าตา เส้นเอ็นที่ยึดบริเวณใต้ตา เพื่อพยุงเสริมขึ้นมา เหมือนย้อนตามโครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามเวลาให้กลับมาเหมือนช่วงวัยเด็กจะทำให้ตาดูตื้นดูฟูขึ้น ในขั้นตอนนี้สามารถแก้ปัญหาฐานใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตาให้ดูดีขึ้นและเป็นธรรมชาติ
- การแก้ไขใต้ตาชั้นตื้น
ใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็ก เนื้อนิ่ม ฉีดในลักษณะ skin booster
เป็นการฉีดเข้าไปบริเวณชั้นผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนของริ้วรอยเล็กๆ ร่องลึกที่ต้องการเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการแก้ไขโครงสร้างฐานใต้ตามาแล้ว ให้ดูเรียบและดูเต็มขึ้น สามารถฉีดในคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหาใต้ตาที่ลึกมาก ต้องการให้ดูเต็มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
ในคนไข้ประเภทนี้สามารถฉีดฟิลเลอร์แบบเนื้อนิ่มได้เลยโดยที่ไม่ต้องฉีดแบบเนื้อแข็งเพื่อปรับโครงสร้างฐานก่อนแต่การเติมฟิลเลอร์ขั้นตอนนี้ แต่จะไม่สามารถเติมได้เยอะมาก เนื่องจากการวางฟิลเลอร์นี้จะวางในตำแหน่งเหนือกล้ามเนื้อ ถ้าเติมในปริมาณที่เยอะจนเกินไปทำให้เวลายิ้มจะเป็นก้อนได้ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อย
กับอีกปัญหาหนึ่งคือ Tyndall effect คือการฉีดฟิลเลอร์ตื้นจนเกินไปทำให้ผิวใต้ตาบริเวณนั้นดูเป็นรอยคล้ำขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการกระเจิงของแสงทำให้เห็นผิวบริเวณที่มีฟิลเลอร์ดูคล้ำขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตา เติมเต็มจุดใดบ้าง ?
- ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
- ร่องใต้ตา
- ถุงใต้ตา
- ริ้วรอยใต้ตา
- ใต้ตาหย่อนคล้อย
- ตาลึก ตาโหล
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?
โดยทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีอาการบวม จะค่อย ๆ หายเองภายใน 2–3 วัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ cc ?
ก่อนที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น จะต้องได้รับการประเมินสรีระบริเวณใต้ตาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน ซึ่งปกติแล้วปริมาณของฟิลเลอร์ที่จะใช้ฉีดในแต่ละเคสนั้นจะไม่เท่ากัน บางคนอาจจะใช้ประมาณ 2 – 3 CC หรือในบางเคสที่มีปัญหาน้อยก็จะแบ่งใช้ฟิลเลอร์เพื่อมาฉีดเพียงแค่ 1 CC เท่านั้น
โดยจะขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของแต่ละคนอยู่ในระดับไหน ซึ่งสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวิเคราะห์สรีระใต้ตาก่อนที่จะทำหัตถการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ?
อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และเนื้อของฟิลเลอร์ รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น อยู่ในที่ร้อนเป็นประจำ ชาวน่า อบไอน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ฟิลเลอร์จะสลายตัวได้เร็วกว่าเดิม
ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร ?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมในบางคน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วถึงเป็นก้อน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นก้อน มีดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์ที่ไม่มากเพียงพอ
- เลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับสรีระบริเวณใต้ตาของตัวเอง
- ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป
สรุป
ปัญหาใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อยล้า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้าตามธรรมชาติ ตามอายุ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ดูอายุน้อยลง เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที เมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลาย สามารถฉีดเพิ่มได้ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย